บทสัมภาษณ์ เฟอร์กี้ & โรนัลโด้ วันคัมแบ็กร่วมทัพยูไนเต็ด

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงซัมเมอร์ 2003 เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คือคนที่พา คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาจากโปรตุเกส พร้อมปลุกปั้นเด็กหนุ่มวัย 18 ปี จนก้าวไปไกลถึงการเป็นยอดดาวเตะและคว้าบัลลงดอร์
ซัมเมอร์ 2021 เฟอร์กี้ ก็เป็นหนึ่งในคีย์แมนสำคัญในการนำพา โรนัลโด้ วัย 36 ปี หวนกลับคืนสู่โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้ง และนี่คือบทสัมภาษณ์เต็มของ เฟอร์กี้ & โรนัลโด้ เกี่ยวกับการคัมแบ็กยังบ้านหลังเก่าอย่าง ยูไนเต็ด
เฟอร์กี้ : การสื่อสารคืองานเฉพาะทางของผมในฐานะผู้จัดการทีม มันสำคัญในแง่การมอบคุณค่าให้ทีมงานของคุณ ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่น สตาฟฟ์โค้ช หรือเจ้าหน้าที่ภาคสนาม ผมคิดว่าการเป็นผู้นำเชื่อมโยงกับการสื่อสารโดยไม่มีข้อแม้ ในกรณีของคริสเตียโน่ เขายังเด็กตอนย้ายมาที่นี่ครั้งแรก ดังนั้น การทำให้เขารู้สึกสบายใจจึงเป็นเรื่องสำคัญ
โรนัลโด้ : ตอนผมย้ายมายังพูดอังกฤษไม่ได้เลย
เฟอร์กี้ : นายไม่ใช่คนสกอตต์เหรอ?
โรนัลโด้ : คนสกอตต์…ครับ การสื่อสารกันตั้งแต่ต้นคือเรื่องที่ดีมาก ผู้คนที่นี่ช่วยเหลือผมมาก โดยเฉพาะ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แน่นอนว่าผมพยายามเรียนรู้ แต่สำเนียงของเขาก็ทำให้มันเป็นเรื่องยากเช่นกัน เช่นเดียวกับผู้เล่นคนอื่น สำเนียงแบบแมนเชสเตอร์มีความแตกต่างออกไปมาก
เฟอร์กี้ : หากคุณต้องการแสดงคุณสมบัติความเป็นผู้นำ คุณต้องคิดถึงเกี่ยวกับเรื่องนั้น การสื่อสารที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกมีคุณค่า ผมไม่เคยเดินผ่านใครโดยไม่พูดอะไรออกมา ไม่ว่าจะเป็นพนักงานครัวหรือคนดูแลสนาม ผมเอ่ยปากพูดคุยกับพวกเขาเสมอ สวัสดีตอนเช้า สบายดีไหม? พ่อคุณเป็นยังไงบ้าง? แม่คุณเป็นอย่างไรบ้าง? มันจำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเขาต้องตระหนักว่าคุณห่วงใยและสนใจ นั่นคือสิ่งที่การสื่อสารทำให้มันเป็น
โรนัลโด้ : เหมือนที่เซอร์อเล็กซ์บอก การสื่อสารที่ดีอยู่ในตัวทุกคน คนเรามีสัญชาตญาณและความกล้าหาญที่จะพูดต่อหน้าผู้คน เขาสื่อสารกับผม เอเยนต์ และสปอร์ติ้ง ลิสบอน แสดงให้เห็นในทันทีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ สำหรับเด็กวัย 18 ปี มันเหมือนฝันที่ได้มีโอกาสพูดคุยกับเขา ว้าว! ฉันกำลังจะได้เล่นให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ผมจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี มันเป็นวันพิเศษในชีวิต ไม่ใช่เพราะผมเล่นได้ดีมากในคืนนั้น แต่เพราะได้คุยกับเซอร์อเล็กซ์ รวมถึงผู้เล่นบางคน
เฟอร์กี้ : สำหรับเด็กที่ย้ายมาต่างประเทศตอนอายุ 18 ปี การมีครอบครัวอยู่ด้วยเป็นเรื่องสำคัญมาก แม่ของเขาอยู่ด้วยได้ไม่นานนัก ผมทราบดีว่าพวกเขาเคยชินกับเรื่องแบบนี้ แต่มันไม่เหมือนกัน การย้ายมายังประเทศอื่นที่ใช้ภาษาแตกต่างออกไป เปรียบเสมือนก้าวที่ยิ่งใหญ่สำหรับคนหนุ่มสาว นั่นคือสิ่งที่ผมคิดว่าสโมสรทำได้ดีจริง ๆ ผมจำความพยายามสร้างความประทับใจให้เอเยนต์ของคริสเตียโน่ได้เสมอ นั่นคือการบอกว่าเขาจะไม่ได้ลงสนามทุกเกม แต่ถ้าเขาเก่งมาก มันก็อีกเรื่องหนึ่ง ผมคงไม่อาจห้ามเขาลงสนามได้ เขาลงเล่นเป็นตัวสำรองในเกมนัดเปิดฤดูกาล ปฏิกิริยาของกองเชียร์ยอดเยี่ยมมาก ปัญหาใหญ่ที่ตามมาคือผมจะเอาเขากลับไปนั่งสำรอง หรือมอบโอกาสออกสตาร์ตตัวจริง?
โรนัลโด้ : ทุกสิ่งที่พูดกับผม เซอร์อเล็กซ์ลงมือทำเสมอ ลองนึกภาพคุณในวัย 18 ปี ย้ายมาจากสปอร์ติ้ง แล้วได้เล่นกับสตาร์ชื่อดังอย่าง ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์, รอย คีน และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ มันทำให้ผมรู้สึกประหม่าเล็กน้อย แต่เขาช่วยผมเอาไว้มาก บางครั้งก็โทรศัพท์หาผมโดยมีล่ามอยู่ด้วย แต่เรื่องนั้นแค่เล็กน้อย สิ่งสำคัญจริง ๆ คือคำแนะนำที่ช่วยให้ผมเติบโตขึ้นในฐานะผู้เล่นและมนุษย์คนหนึ่ง ผมมักพูดเสมอว่าเขาเปรียบเสมือนพ่อในวงการฟุตบอล ผมซาบซึ้งกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำเพื่อผม เพื่อครอบครัว และเพื่อสโมสร
เฟอร์กี้ : ในฐานะผู้จัดการทีมหรือใครก็ตามที่อยู่ในตำแหน่งผู้นำ สิ่งหนึ่งที่คุณต้องปลูกฝังให้ทีมงานรู้สึก คือการเชื่อมั่นและความไว้วางใจในตัวผู้จัดการทีม เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาสัมผัสมันได้ พวกเขาจะภักดีต่อคุณ พวกเขารู้ว่าสามารถเข้ามาหาผมเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ ประตูห้องทำงานถูกเปิดเอาไว้เสมอ เช่นเดียวกับความคาดหวังที่ถูกส่งต่อไปยังพวกเขา ทุกคนทราบดีว่าผมจะไม่ยอมให้ความทะเยอทะยานลดน้อยถอยลง ผมคิดว่าคริสเตียโน่และคนอื่นๆ ที่สโมสรน่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดี
โรนัลโด้ : ทุกคนรู้บทบาทของตัวเองในทีม นี่คือเหตุผลที่เราชนะ ผมจำไม่ได้ว่าเราคว้าแชมป์ได้กี่รายการ แต่ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเพราะองค์ประกอบที่เขากล่าวถึง ผู้คนไว้วางใจในกลุ่มของเรา พวกเขาเชื่อมั่นในการสื่อสารของตัวเอง เซอร์อเล็กซ์อยู่ที่นั่นเพื่อนำทีม ช่วยให้เรามีโอกาสดีที่สุดในการคว้าชัยชนะ ผมจำได้ดีว่ามันคือกุญแจแห่งความสำเร็จของยูไนเต็ด
เฟอร์กี้ : ผมไม่ค่อยมีความสุขกับช่วงเวลาก่อนเริ่มเกม 45 นาที มันเป็นตอนที่ผู้เล่นออกมาอบอุ่นร่างกาย ผมไม่มีอะไรให้ทำ ผมนั่งอยู่ตรงนั้น ต้องการให้เกมเริ่มขึ้น แต่ผมทำไม่ได้ ผมรู้สึกเหงา ผมอยู่คนเดียว และเอาแต่ดูโทรทัศน์ นั่นเป็นช่วงเวลาเดียวที่ผมรู้สึกว่าไม่สนุก ทว่าทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อเกมเริ่มต้นขึ้น มันเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก บางทีคริสเตียโน่อาจเป็นโค้ชในสักวันหนึ่ง
โรนัลโด้ : บางทีอาจจะไม่ มีช่วงเวลาสวยงามมากมายที่เราทำร่วมกัน แต่สิ่งที่สวยงามที่สุด และติดอยู่ในใจผม ซึ่งบางทีเซอร์อเล็กซ์อาจลืมไปแล้ว คือช่วงเวลาที่พ่อของผมป่วยอยู่ในโรงพยาบาล ตอนนั้นผมรู้สึกอารมณ์เสียมาก เขาพูดกับผมว่าไม่เป็นไรคริสเตียโน่ ไปที่นั่นสัก 2-3 วัน ฉันเข้าใจสถานการณ์ของนาย เราอาจมีเกมที่ยาก แต่ฉันจะปล่อยนายไปพบพ่อ นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผม นอกเหนือไปจากการคว้าแชมป์แชมเปี้ยนส์ลีก, พรีเมียร์ลีก และบอลถ้วยทั้งหลายแหล่ ผมซาบซึ้งใจมาก เขาทำในสิ่งที่พูดเสมอ และผมต้องขอบคุณเขา
เฟอร์กี้ : ผมได้เรียนรู้เรื่องราวแบบนี้ตอนยังเป็นผู้จัดการทีมหนุ่มไฟแรง ผมอายุ 33 ปี มีเด็กคนหนึ่งเข้ามาที่สำนักงาน ผมจำได้ว่ามันเป็นวันอังคาร เขาบอกผมว่าเจ้านาย ขอลาหยุดวันศุกร์ได้ไหม? ผมถามกลับว่าทำไมนายอยากหยุดวันศุกร์? เขาตอบกลับมาว่าแม่ของผมเสีย ตอนนั้นหัวใจผมเต้นรัว ไม่รู้ว่าควรตอบกลับยังไง สุดท้ายเลยบอกไปว่าได้สิไอ้ลูกชาย นายหยุดได้เลย จากนั้นเมื่อมีใครเข้ามาขอลาหยุดกับผม ผมจะอนุญาตเสมอ พร้อมถามไถ่พวกเขาว่าให้ช่วยเหลืออะไรไหม กรณีของคริสเตียโน่ก็ไม่ต่างกัน ผมรู้ว่าพ่อเขาป่วย นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล มันเป็นเรื่องสำคัญที่ลูกชายต้องไปอยู่ที่นั่น มันมีบางสิ่งบางอย่างยิ่งใหญ่กว่าสโมสรฟุตบอล และครอบครัวคือหนึ่งในนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

ติดตามได้ที่ >>> ข่าวฟุตบอล